- Services
- Case Studies
- Technologies
- NextJs development
- Flutter development
- NodeJs development
- ReactJs development
- About
- Contact
- Tools
- Blogs
- FAQ
มือใหม่อยากเริ่มเขียนแอป ต้องใช้โปรแกรมและภาษาอะไรบ้าง?

หากคุณเป็นมือใหม่ที่สนใจอยากเริ่มต้นเขียนแอปพลิเคชัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนแอป ใช้โปรแกรมอะไร และภาษาอะไรดี บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแนวทางการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม กับความสามารถและเป้าหมายของคุณ นอกจากนี้ยังแนะนำเครื่องมือและภาษาเบื้องต้น สำหรับการพัฒนาแอปบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ พร้อมแหล่งความรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นเส้นทางการเขียนแอปของคุณด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในบทความนี้!
ทำไมต้องเลือกภาษาและโปรแกรมให้เหมาะสมกับตัวเองกันนะ

การเลือกภาษาและโปรแกรมให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากจะส่งผลต่อความรวดเร็วในการเรียนรู้, ความสนุกสนาน และความสำเร็จในการพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรม ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ ที่ควรพิจารณามีด้วยกัน 5 ข้อ คือ
1. ความง่ายในการเรียนรู้ (Ease of Learning)
ภาษาและโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับมือใหม่ควรมีโครงสร้างที่เข้าใจง่าย, ไม่ซับซ้อนจนเกินไป สัญลักษณ์และไวยากรณ์ควรเป็นธรรมชาติและอ่านได้ง่าย เช่น Python
ซึ่ง Python ออกแบบมาเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจโค้ดได้ทันที โดยไม่ต้องมานั่งตีความมากมาย ช่วยลดความสับสนและความรู้สึกท้อแท้ในช่วงแรก ๆ ของการเรียนรู้
นอกจากนี้ยังทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถใช้เวลาน้อยลง ในการทำความเข้าใจโครงสร้างของภาษา และสามารถนำไปใช้สร้างโปรเจกต์ง่าย ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
2. ชุมชนและเอกสารสนับสนุน (Community and Resources)
ภาษาโปรแกรมยอดนิยมสำหรับมือใหม่ มักมาพร้อมกับชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนสามารถค้นหาแหล่งข้อมูล, คำแนะนำ หรือคำตอบสำหรับปัญหาที่พบเจอได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น Python, JavaScript หรือ Scratch
อีกทั้งยังมีเว็บไซต์, คอร์สเรียนออนไลน์, เอกสารประกอบ และตัวอย่างโค้ดจำนวนมาก ทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้อย่างมั่นใจและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใช้งานที่พร้อมให้คำปรึกษา และแก้ไขปัญหาในเวลาที่จำเป็น
3. ความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่เข้าใจง่าย (Immediate Results)
สิ่งสำคัญสำหรับมือใหม่คือความรู้สึกของความสำเร็จ ที่สามารถเห็นผลลัพธ์จากการเขียนโค้ดได้ในทันที การเลือกภาษาและเครื่องมือที่รองรับการรันและดูผลลัพธ์ได้ง่าย
ซึ่งการเขียนโปรแกรมง่าย ๆ แล้วรันทันทีใน IDE หรือเทอมินัล จะช่วยเสริมสร้างความสนุกสนานและความภูมิใจในความก้าวหน้า ช่วยให้ผู้เริ่มเรียนรู้สามารถเข้าใจผลกระทบของโค้ดที่เขียนและปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว
4. ความปลอดภัยและความเสี่ยงต่ำ (Safety and Low Risk)
การเริ่มต้นด้วยเครื่องมือที่มีความเสี่ยงต่ำต่อความผิดพลาดเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ โดยเลือกภาษาและแพลตฟอร์มที่ไม่ต้องการการตั้งค่าระบบซับซ้อน หรือการจัดการด้านความปลอดภัยมากนัก เช่น Python
โดย Python สามารถติดตั้งได้ง่ายและไม่จำเป็นต้องปรับแต่งมากมาย ทำให้ลดความกังวลและความสับสนของผู้เริ่มต้น รวมถึงลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดที่อาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไข
5. การสนับสนุนด้านเครื่องมือและสิ่งแวดล้อม (Tools and Environment Support)
เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดหรือ IDE (Integrated Development Environment) ที่ใช้งานง่ายและเหมาะสมสำหรับมือใหม่ เช่น Thonny, Mu, หรือ Visual Studio Code จะช่วยให้การเขียน, การดีบัก และการทดสอบโค้ดเป็นเรื่องง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งค่าที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถมุ่งเน้นที่การเรียนรู้ และสร้างสรรค์งานได้อย่างเต็มที่
มือใหม่เขียนแอป ใช้โปรแกรมอะไร
1. สำหรับ Android

Android Studio เป็นเครื่องมือหลักที่ได้รับความนิยม และเหมาะสมสำหรับมือใหม่ ในการเริ่มต้นพัฒนาแอปบนแพลตฟอร์ม Android โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก Google ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นดังนี้
- อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย : มีเครื่องมือและเมนูที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
- เครื่องมือสร้างและดีบัก (Debugging) : มีเครื่องมือสำหรับทดสอบ และแก้ไขข้อผิดพลาดในโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพ
- ตัวจำลอง (Emulator) : Android Studio มาพร้อมกับ Android Emulator ซึ่งจำลองสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android ต่าง ๆ เพื่อทดสอบแอปในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง โดยไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์จริงเสมอไป
- คำแนะนำและเอกสารประกอบ : มีเอกสารและคอร์สเรียนมากมาย ที่ช่วยให้มือใหม่สามารถเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงระดับที่สามารถสร้างแอปได้จริง
2. สำหรับ iOS
Xcode เป็นเครื่องมือพัฒนาที่ถูกพัฒนาโดย Apple สำหรับการสร้างแอปบนแพลตฟอร์ม iOS, macOS, watchOS และ tvOS ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ที่สนใจพัฒนาแอปบนอุปกรณ์ของ Apple
- ใช้งานง่ายและครบครัน : มีทั้งตัวแก้ไขโค้ด, ตัวสร้าง UI แบบลากและวาง และเครื่องมือสำหรับดีบัก ทำให้สะดวกต่อการเรียนรู้และใช้งาน
- เครื่องจำลอง (Simulator) : Xcode มาพร้อมกับ iOS Simulator ซึ่งสามารถทดสอบแอปบนอุปกรณ์เสมือนจริงหลายรุ่นและหลายขนาดหน้าจอ เพื่อให้เข้าใจการทำงานของแอปบนอุปกรณ์จริง
- เอกสารและชุมชน : มีเอกสารประกอบที่ครอบคลุม และชุมชนผู้พัฒนาขนาดใหญ่ ที่พร้อมให้คำแนะนำและการสนับสนุน
3. สำหรับพัฒนาแอปข้ามแพลตฟอร์ม
สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างแอปที่สามารถทำงานบนทั้ง Android และ iOS พร้อมกัน การใช้เครื่องมือพัฒนาแบบข้ามแพลตฟอร์มเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันได้ตามความเหมาะสม เช่น
- Visual Studio Code : เป็นเทอร์มินัลและเทคโนโลยีแบบ Open Source ที่นิยมใช้สำหรับพัฒนาแอปด้วย Framework อย่าง React Native, Flutter หรือ Ionic ซึ่งช่วยให้สามารถเขียนโค้ดเพียงครั้งเดียวแล้วนำไปใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม
- Android Studio และ Xcode : ในบางกรณี หากต้องการปรับแต่ง หรือทดสอบฟีเจอร์เฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม ก็อาจใช้เครื่องมือเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์มร่วมกัน เช่น การพัฒนาเบื้องต้นด้วย React Native แล้วใช้ Android Studio และ Xcode สำหรับดีบักและทดสอบแอปบนแพลตฟอร์มแต่ละอัน
4. เครื่องมือจำลอง (Emulator) และอุปกรณ์ทดสอบ
เพื่อให้แน่ใจว่าแอปของคุณทำงานได้ดีในสภาพแวดล้อมจริง ควรใช้เครื่องมือจำลองและอุปกรณ์ทดสอบอย่างเหมาะสม

- Emulator : เป็นโปรแกรมจำลองอุปกรณ์บนคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยให้คุณสามารถทดสอบแอปในหลายรุ่นและหลายขนาดหน้าจอ เช่น Android Emulator สำหรับ Android และ iOS Simulator สำหรับ iOS ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์จริงในช่วงเริ่มต้น
- อุปกรณ์จริง : เมื่อแอปของคุณพร้อมใช้งาน ควรทดสอบบนอุปกรณ์จริง เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมจริง เช่น การทดสอบบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ใช้งานจริง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสบการณ์ผู้ใช้งาน เป็นต้น
ภาษาอะไรเหมาะกับมือใหม่ที่อยากเขียนแอป
1. สำหรับแอปบนสมาร์ทโฟน
- Java และ Kotlin สำหรับ Android : Java เป็นภาษาที่ใช้กันมานานและได้รับความนิยมมากในการพัฒนาแอป Android เนื่องจากเป็นภาษาที่มีความเสถียรและมีเอกสารประกอบมากมาย ทำให้มือใหม่สามารถเรียนรู้ได้ง่าย และเข้าใจพื้นฐานของการพัฒนาแอป Android ได้ดี
Kotlin เป็นภาษาที่ Google แนะนำให้ใช้เป็นภาษาหลักสำหรับ Android ตั้งแต่ปี 2017 เนื่องจากมีความทันสมัยและเป็นภาษาที่เขียนง่ายกว่า Java และมีโครงสร้างที่อ่านง่ายซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดลงได้ ทำให้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นพัฒนาแอป Android ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว
- Swift สำหรับ iOS : Swift เป็นภาษาที่ Apple เปิดตัวเพื่อใช้ในการพัฒนาแอป iOS, macOS, watchOS และ tvOS ซึ่งเป็นภาษาที่ทันสมัยและใช้งานง่าย มีโครงสร้างที่เข้าใจง่ายและปลอดภัย ทำให้มือใหม่สามารถเรียนรู้และพัฒนาแอปบนอุปกรณ์ของ Apple ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Swift ยังมีชุมชนผู้ใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีเอกสารและตัวอย่างโค้ดให้ศึกษาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
2. สำหรับแอปข้ามแพลตฟอร์ม
- Flutter (Dart) : Flutter เป็นเฟรมเวิร์คที่พัฒนาโดย Google ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างแอปบนทั้ง Android และ iOS ได้จากโค้ดเบสเดียวกัน ภาษา Dart เป็นภาษาที่ใช้ใน Flutter ซึ่งเป็นภาษาที่ง่ายต่อการเรียนรู้และเข้าใจสำหรับมือใหม่ เนื่องจากมีโครงสร้างคล้ายกับภาษาอื่น ๆ เช่น JavaScript และ Java โดย Flutter ยังมีความสามารถในการสร้าง UI ที่สวยงามและตอบสนองได้ดี ทำให้การเรียนรู้และพัฒนาแอปเป็นเรื่องง่ายและสนุก
- React Native (JavaScript) : React Native เป็น Framework ที่พัฒนาโดย Facebook ซึ่งใช้ภาษา JavaScript สำหรับการสร้างแอปข้ามแพลตฟอร์ม มีความนิยมสูงมากในกลุ่มนักพัฒนามือใหม่ เนื่องจาก JavaScript เป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่ายและเป็นที่รู้จักกันดี นอกจากนี้ React Native ยังมีชุมชนผู้ใช้งานและเอกสารประกอบมากมาย ซึ่งทำให้มือใหม่สามารถเริ่มต้นเรียนรู้และพัฒนาแอปได้อย่างรวดเร็ว
3. สำหรับ Web Application
สำหรับผู้ที่สนใจพัฒนา Web Application พื้นฐาน HTML, CSS และ JavaScript เป็นภาษาหลักที่ควรเริ่มเรียนรู้ก่อน เพราะเป็นภาษาที่ใช้สร้างโครงสร้างและออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ รวมไปถึงเพิ่มความสามารถในการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน
สำหรับมือใหม่ การเริ่มต้นกับภาษาเหล่านี้เป็นวิธีที่ง่ายและตรงไปตรงมา เนื่องจากมีแหล่งเรียนรู้และชุมชนสนับสนุนมากมาย และสามารถต่อยอดไปยังเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น Framework อย่าง React, Angular หรือ Vue.js เพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนา Web Application ที่ซับซ้อนขึ้นได้ในอนาคต
อยากเพิ่มความรู้ในการเขียนแอป มือใหม่แบบเราควรไปหาความรู้เพิ่มที่ไหน
การเพิ่มพูนความรู้ในการเขียนแอปพลิเคชันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาแอปที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเรียนรู้ในด้านนี้สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งในที่นี้จะแนะนำแนวทางหลัก ๆ ที่นิยมและได้ผลดี ได้แก่ คอร์สออนไลน์และเว็บไซต์สอนเขียนแอป หรือเอกสารและคู่มืออย่างเป็นทางการ รวมถึงชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่าง ๆ นั่นเองครับ
1. คอร์สออนไลน์และเว็บไซต์สอนเขียนแอป
การเรียนผ่านคอร์สออนไลน์เป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากคุณสามารถเรียนรู้ตามจังหวะของตัวเองได้ คอร์สเหล่านี้มักจัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญในวงการ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงเทคนิคขั้นสูง เช่น

- Udemy : มีคอร์สหลายหัวข้อ เช่น การสร้างแอปด้วย Flutter, React Native, Android, iOS เป็นต้น คุณสามารถเลือกเรียนตามความสนใจและระดับความเข้าใจ
- Coursera : ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำ เช่น Stanford, University of Toronto สอนเนื้อหาเกี่ยวกับการพัฒนาแอปในระดับลึก
- freeCodeCamp : เป็นแหล่งเรียนรู้ฟรีที่เน้นด้านการเขียนโค้ด และสร้างแอปในหลายภาษาและ Framework
- YouTube : ช่องต่าง ๆ เช่น Traversy Media, The Net Ninja, freeCodeCamp.org มีวิดีโอสอนเขียนแอปฟรีมากมาย
นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ที่เน้นเนื้อหาด้านเทคนิค เช่น MDN Web Docs สำหรับเว็บแอป, Android Developer ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการสำหรับ Android, และ Apple Developer สำหรับ iOS
2. เอกสารและคู่มืออย่างเป็นทางการ
การศึกษาจากเอกสารและคู่มืออย่างเป็นทางการ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าใจโครงสร้าง และแนวทางการพัฒนาแอปในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น
- Android Developer Documentation : ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างแอป Android ตั้งแต่การตั้งค่าสภาพแวดล้อม, การใช้งาน API ต่าง ๆ ไปจนถึงแนวปฏิบัติที่ดี
- Apple Developer Documentation : สำหรับ iOS, iPadOS, และเทคโนโลยีของ Apple ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Swift, Xcode และการออกแบบ UI
- Flutter Documentation : สำหรับการสร้างแอปข้ามแพลตฟอร์มด้วย Flutter ซึ่งเป็นเทคโนโลยียอดนิยมในปัจจุบัน
- React Native Documentation : สำหรับการสร้างแอปด้วย JavaScript และ React
การอ่านเอกสารอย่างเป็นทางการช่วยให้คุณเข้าใจแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วเมื่อเจออุปสรรค
3. ชุมชนและกลุ่มสนับสนุน
ชุมชนเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าและสามารถช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น
- Stack Overflow : เป็นชุมชนถามตอบที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักพัฒนา คุณสามารถค้นหาปัญหาเฉพาะเจาะจง และได้รับคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ
- GitHub : ร่วมพัฒนาและดูตัวอย่างโค้ดจากโปรเจกต์ Open Source ช่วยให้เข้าใจแนวทางการเขียนแอปที่ดีขึ้น
- Reddit : เช่น r/androiddev, r/iOSProgramming, r/FlutterDev เป็นกลุ่มสนทนาและแลกเปลี่ยนความรู้
- กลุ่ม Facebook, Discord, Telegram : ชุมชนต่าง ๆ ที่เน้นด้านการเขียนแอปในเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีการพูดคุยและแชร์ข้อมูลเป็นประจำ
การเข้าร่วมกลุ่มเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำเทคนิค แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่าย และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น
สรุป
มือใหม่ที่สนใจเขียนแอปควรเลือกเครื่องมือและภาษาให้เหมาะสมกับความสามารถและเป้าหมาย เช่น Python ที่มีไวยากรณ์ง่ายและเหมาะสำหรับเริ่มต้น ส่วนในด้านโปรแกรม ควรใช้ IDE อย่าง Visual Studio Code, Thonny หรือ Mu เป็นต้น
และสำหรับพัฒนาแอปบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Android ใช้ Android Studio และ iOS ใช้ Xcode ส่วนภาษาแนะนำคือ Java/Kotlin สำหรับ Android, Swift สำหรับ iOS, และ Flutter หรือ React Native สำหรับแอปข้ามแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ยังสามารถเรียนรู้จากคอร์สออนไลน์, เอกสาร, คู่มือ และชุมชนออนไลน์เพื่อเสริมความรู้และพัฒนาทักษะต่อไปได้ในอนาคต
หรือหากคุณอยากที่จะหา Software House ที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการพัฒนาเว็บแอป หรือ Mobile App แล้วล่ะก็ ขอเชิญได้ที่ Till It’s Done ของพวกผม เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญในด้านการ Mobile Application และ Web Application ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในสายงานนี้ รวมไปถึงโครงการที่ประสบความสำเร็จจากเรากว่า 60 โครงการ ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะเป็นผู้ปรึกษา และนักพัฒนาที่ดีสำหรับโครงการใหม่ของคุณนี้อย่างแน่นอนซึ่งหากสนใจ สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของของพวกผม Till it’s done หรือหรือทางอีเมลล์ rick@tillitsdone.com นี้ได้เลยนะครับ






Talk with CEO
We'll be right here with you every step of the way.
We'll be here, prepared to commence this promising collaboration.
Whether you're curious about features, warranties, or shopping policies, we provide comprehensive answers to assist you.