- Services
- Case Studies
- Technologies
- NextJs development
- Flutter development
- NodeJs development
- ReactJs development
- About
- Contact
- Tools
- Blogs
- FAQ
TypeScript Interface คืออะไร? อธิบายพร้อมวิธีใช้และข้อแตกต่างจาก Type

ในโลกของการเขียนโปรแกรมด้วย TypeScript มีเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้โครงสร้างของข้อมูลชัดเจน และปลอดภัยมากขึ้น นั่นคือ Interface ที่เปรียบเสมือนแบบแผนสำหรับอ็อบเจกต์และคลาส มาทำความรู้จักและเรียนรู้วิธีใช้งาน TypeScript Interface พร้อมทั้งการไขกระจ่างถึงความแตกต่างของ Interface กับ Type เพื่อยกระดับความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชันของคุณไปอีกขั้น ด้วยบทความนี้ของ Till it’s done กันครับ
ทำความรู้จัก TypeScript ภาษาที่เสริมนักพัฒนาด้วยการเพิ่ม Static Typing

TypeScript คือภาษาการเขียนโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Microsoft ซึ่งเป็น Superset ของภาษา JavaScript นั่นจึงหมายความว่า TypeScript เพิ่มคุณสมบัติและความสามารถบางอย่างเข้าไปใน JavaScript เช่น
- Type Annotations : ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถระบุชนิดข้อมูลของตัวแปร, ฟังก์ชัน หรืออาร์กิวเมนต์ได้อย่างชัดเจน เช่น let age: number = 30; ซึ่งทำให้โค้ดมีความชัดเจนและง่ายต่อการบำรุงรักษา
- Type Checking : TypeScript จะทำการวิเคราะห์โค้ดก่อนที่จะรัน ช่วยจับข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับชนิดข้อมูล หรือโครงสร้างของโค้ดได้ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดในระหว่างการทำงานของแอปพลิเคชัน
- รองรับแนวคิดด้านการเขียนโปรแกรมระดับสูง : เช่น การใช้งาน Interfaces, Classes, Inheritance, และ Modules ซึ่งทำให้สามารถสร้างแอปพลิเคชัน ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและมีความยืดหยุ่นได้ง่ายขึ้น
นั่นจึงทำให้ TypeScript เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักพัฒนาสามารถเขียนโค้ด JavaScript ที่ปลอดภัยและมีโครงสร้างที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในโปรเจกต์ขนาดใหญ่ หรือทีมงานที่ต้องการความชัดเจนและความปลอดภัยของโค้ดมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในชุมชนพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน เนื่องจากสามารถทำงานร่วมกับ Framework และไลบรารีต่าง ๆ ของ JavaScript ได้อย่างราบรื่นนั่นเองครับ
คำจำกัดความของ Interface ใน TypeScript

เป็นการกำหนดโครงสร้างของอ็อบเจกต์หรือคลาส โดยระบุคุณสมบัติ และ Methods ที่ Object ดังกล่าวควรมี ซึ่ง Interface ทำหน้าที่เป็นแบบแผนสำหรับสร้าง Object ช่วยให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของโครงสร้างข้อมูล และสนับสนุนการเขียนโค้ดที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัยมากขึ้น
ข้อดีของการใช้งาน Interface
1. ช่วยให้โค้ดมีความชัดเจนและเป็นระเบียบ
Interface จะกำหนดรูปแบบของฟังก์ชันและคุณสมบัติที่ Classes ต้องปฏิบัติตาม ทำให้โค้ดมีโครงสร้างที่ชัดเจน เมื่อมีการใช้งาน Interface เดียวกันในหลาย Classes ก็สามารถเข้าใจและคาดหวังพฤติกรรมของ Object ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้โค้ดมีความเป็นระเบียบและอ่านเข้าใจง่ายขึ้น
2. ช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
การใช้งาน Interface ทำให้โปรแกรมสามารถตรวจสอบได้ว่า Classes ที่นำมาใช้นั้นปฏิบัติตามรูปแบบที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ข้อมูลผิดประเภท และทำให้เกิดความมั่นใจในความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งผ่านในระบบ
3. สนับสนุนการเขียนโปรแกรมแนว Object-Oriented
Interface เป็นเครื่องมือสำคัญในแนวคิด Object-Oriented Programming ช่วยให้สามารถสร้างความสัมพันธ์แบบพึ่งพาระหว่าง Object ได้ดีขึ้น ส่งเสริมการใช้ Polymorphism และ Inheritance ซึ่งช่วยให้โค้ดมีความยืดหยุ่นและขยายตัวได้ง่ายขึ้น
4. ทำให้สามารถสร้างโค้ดที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่ายขึ้น
ด้วยการกำหนด Interface ซึ่งเป็นเพียงสัญญาณของพฤติกรรมที่คาดหวัง ทำให้สามารถสร้าง Classes หลายชนิดที่ใช้งานร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดซ้ำซ้อน การนำ Interface ไปใช้ในหลายบริบท ช่วยลดความซับซ้อนของโค้ด และสนับสนุนแนวคิดการเขียนโค้ดแบบ Modules ซึ่งง่ายต่อการบำรุงรักษาและขยายระบบในอนาคต
ข้อแตกต่างระหว่าง Interface กับ Type

1. Syntax and Declaration
- Interface ใช้สำหรับกำหนดโครงสร้างของ Object เช่น Properties, Methods, และ Index Signatures และสามารถ Extend ได้ง่าย โดยใช้คำสั่ง extends
- Type สามารถกำหนดได้ทั้ง Primitive Types, Composite Types, Union Types, Tuple, และอื่น ๆ
2. Inheritance
- Interface รองรับการ Multiple Inheritance ได้ง่ายและชัดเจน โดยใช้คำสั่ง extends
- Type สามารถรวมหลายชนิดข้อมูลเข้าด้วยกันผ่าน Union หรือ Intersection แต่ไม่รองรับการสืบทอดแบบตรง ๆ ซึ่งการใช้ & เป็นการรวมชนิดข้อมูลหลายชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่คล้ายคลึงกับ Inheritance ในบางบริบท
3. ความสามารถในการประกาศซ้ำ
- Interface สามารถประกาศซ้ำได้หลายครั้งในไฟล์เดียวหรือไฟล์ต่าง ๆ แล้ว TypeScript จะรวมประกาศเหล่านั้นเข้าด้วยกัน
- Type ไม่สามารถประกาศซ้ำได้ โดยถ้าทำ จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
4. ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม
- Type ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าในการกำหนดชนิดข้อมูลแบบซับซ้อน เช่น Union, Intersection หรือ Tuple
- สำหรับโครงสร้าง Object ที่ต้องการรองรับการสืบทอดหรือการประกาศซ้ำ ควรใช้ Interface
- สำหรับการกำหนดชนิดข้อมูลแบบหลากหลาย เช่น Union Types, Composite Types ควรใช้ Type
- ในบางกรณีสามารถใช้ทั้ง Interface และ Type ร่วมกันในโปรเจกต์ได้ตามความเหมาะสม
ตัวอย่างการใช้งาน Interface

แนวคิดของ Interface ใน TypeScript เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกำหนดโครงสร้างของ Object เช่น Properties และ Methods ที่ Object นั้นต้องมี ซึ่งช่วยให้โค้ดมีความปลอดภัยและเข้าใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะในโปรเจคขนาดใหญ่
1. ตัวอย่างการประกาศ Interface
interface Person {
name: string;
age: number;
greet(): void;
}
2. การนำ Interface ไปใช้ใน Object หรือ Classes
const user: Person = {
name: “John”,
age: 30,
greet() {
console.log(`Hello, my name is ${this.name}`);
}
};
3. การใช้ Interface กับฟังก์ชันเพื่อกำหนดประเภทของพารามิเตอร์
function introduce(person: Person): void {
person.greet();
console.log(`Age: ${person.age}`);
}
introduce(user);
สรุป
จะเห็นได้ว่า TypeScript Interface คือเครื่องมือที่ช่วยกำหนดโครงสร้างของอ็อบเจกต์กับคลาสให้ชัดเจนและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยสามารถสร้างแบบแผนสำหรับข้อมูลและการใช้งาน ช่วยให้โค้ดเป็นระเบียบและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ง่าย แตกต่างจาก Type ที่สามารถกำหนดชนิดข้อมูลแบบหลากหลายและรองรับการรวมหลายชนิด ในการใช้งานจริง เราสามารถประกาศและนำ Interface ไปใช้ในอ็อบเจกต์หรือฟังก์ชันได้อย่างง่ายดายกว่านั่นเองครับ
และหากใครต้องการหาบริการรับทำเว็บไซต์ด้วย TypeScript Interface พวกผม Till it’s done ก็ยินดีให้บริการ การันตีด้วยผลงานเว็บไซต์ที่ใช้งานได้จริงและดีไซน์สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น Vote66, เว็บไซต์พรรคก้าวไกลสำหรับการเลือกตั้งในปี 2566, ระบบการจัดการต้นทุน และการติดตามพนักงานของแดชบอร์ด Foodhub รวมไปถึงระบบเว็บไซต์ของตลาดไทสามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของของพวกผม Till it’s done หรือทางอีเมลล์ rick@tillitsdone.com นี้ได้เลยนะครับ






Talk with CEO
We'll be right here with you every step of the way.
We'll be here, prepared to commence this promising collaboration.
Whether you're curious about features, warranties, or shopping policies, we provide comprehensive answers to assist you.