- Services
- Case Studies
- Technologies
- NextJs development
- Flutter development
- NodeJs development
- ReactJs development
- About
- Contact
- Tools
- Blogs
- FAQ
สร้างเว็บไซต์ 1 เว็บ ต้องใช้งบเท่าไหร่? เจาะลึกทุกองค์ประกอบ website development cost

กำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องใช้ Website Development Cost เท่าไหร่ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเว็บไซต์แบบครบทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์, ฟังก์ชัน หรือค่าดูแลระยะยาว พร้อมรู้ทันปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา และตัวอย่างค่าใช้จ่ายจริงตามประเภทเว็บไซต์ ซึ่งเหมาะทั้งสำหรับเจ้าของธุรกิจ, ผู้เริ่มต้น และนักพัฒนาที่อยากประเมินงบอย่างแม่นยำ อ่านจบแล้วคุณจะวางแผน Website Development Cost ได้อย่างมั่นใจ ช่วยให้ไม่บานปลายได้นั่นเองครับ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Website Development Cost

เมื่อพูดถึงการสร้างเว็บไซต์ หลายคนมักสงสัยว่าทำไมค่าใช้จ่ายของแต่ละโปรเจกต์ถึงแตกต่างกัน บางเว็บใช้งบประมาณเพียงไม่กี่พันบาท ในขณะที่บางเว็บอาจสูงถึงหลักแสนหรือมากกว่านั้น ความจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สัมพันธ์กัน ดังนี้
1. ประเภทของเว็บไซต์
ประเภทของเว็บไซต์เป็นหนึ่งในตัวแปรหลักที่กำหนดต้นทุนการพัฒนา โดยหากเป็นเว็บไซต์บริษัท จะมุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลและภาพลักษณ์ มักมีจำนวนหน้าไม่มาก เช่น หน้าเกี่ยวกับเรา, บริการ และการติดต่อ ค่าใช้จ่ายจึงอยู่ในระดับเริ่มต้น
แต่หากเป็นร้านค้าออนไลน์ จะต้องการระบบที่ซับซ้อนกว่ามาก เช่น การจัดการสินค้า, ตะกร้าสินค้า, การชำระเงิน และระบบติดตามคำสั่งซื้อ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
กลับกัน หากเป็นบล็อกหรือเว็บไซต์ข่าวสาร จะต้องการเพียงแค่ระบบจัดการบทความ หรือ CMS ที่ใช้งานง่าย เน้นความเร็วและการแสดงผลเนื้อหา ค่าใช้จ่ายมักอยู่ระดับกลาง ๆ เท่านั้น
จึงกล่าวได้ว่าประเภทของเว็บไซต์คือสิ่งแรกที่กำหนดขอบเขตของงาน และระดับความซับซ้อนของเว็บไซต์ที่จะต้องสร้าง
2. ขนาดและความซับซ้อนของเว็บไซต์
โดยจำนวนหน้าหรือเนื้อหาที่ต้องการมีผลโดยตรงต่อค่าใช้จ่าย หากเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็กที่มีเพียงไม่กี่หน้า เช่น เว็บไซต์แนะนำตัวหรือ Portfolio มักใช้เวลาไม่นานในการพัฒนา
แต่ว่า ถ้าเป็นเว็บไซต์ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่แล้ว จะมีหลายสิบถึงหลายร้อยหน้า จึงต้องใช้ระบบการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น และต้องทดสอบการทำงานมากยิ่งขึ้น
หรือหากเป็นเว็บไซต์ที่มีระบบเฉพาะทาง เช่น ระบบ Dashboard, ระบบจองออนไลน์ หรือระบบจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ก็จะยิ่งเพิ่มต้นทุนการพัฒนาให้สูงขึ้นไปด้วย
3. ดีไซน์และความสามารถพิเศษ
การออกแบบเองก็คือปัจจัยที่มีผลต่อทั้งความประทับใจของผู้ใช้งานและค่าใช้จ่าย โดยถ้าเป็นดีไซน์มาตรฐาน ที่ใช้ธีมสำเร็จรูป และปรับแต่งเพียงเล็กน้อย ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ
กลับกัน หากเป็นดีไซน์เฉพาะทางแล้วล่ะก็ จะต้องออกแบบ UI/UX ตามความต้องการเฉพาะของแบรนด์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เพราะต้องทำงานร่วมกับนักออกแบบอย่างใกล้ชิด
และหากมีความสามารถพิเศษด้วย เช่น การออกแบบให้ใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์ หรือการปรับตามมาตรฐาน Accessibility ก็จะยิ่งเป็นตัวเพิ่ม Website Development Cost ให้สูงยิ่งขึ้น
4. ฟังก์ชันและคุณสมบัติ
ยิ่งเว็บไซต์มีฟังก์ชันมาก ก็จะทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบชำระเงินออนไลน์, ระบบสมาชิกและการเข้าสู่ระบบ, ระบบจัดการสินค้าและบทความ, ระบบค้นหาขั้นสูง, แนะนำสินค้าอัตโนมัติ หรือแม้แต่ Chatbot
ฟังก์ชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนา แต่ยังรวมถึงการทดสอบ, ความปลอดภัย และการบำรุงรักษาในอนาคตอีกด้วย
5. การเลือกใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือ
การเลือก Stack หรือเครื่องมือที่ใช้พัฒนาเว็บไซต์ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น CMS สำเร็จรูป เช่น WordPress, Joomla จะช่วยทำให้พัฒนาได้เร็ว และใช้งบประมาณไม่มาก เหมาะสำหรับเว็บไซต์ทั่วไป
หรือ Framework และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น Next.js, React, Laravel, Django ซึ่งเหมาะสำหรับเว็บที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง แต่ต้องใช้ทักษะและเวลามากกว่า ไม่ก็ระบบ Cloud, Hosting หรือ Database ที่ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ เช่น Hosting แบบแชร์ราคาถูก หรือ Cloud Solutions อย่าง AWS, GCP, Vercel ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแต่เสถียรกว่า
นั่นยังรวมไปถึงการดูแลและบำรุงรักษา ที่ไม่ใช่เพียงสร้างเสร็จครั้งเดียว แต่รวมถึงการอัปเดตระบบ, ความปลอดภัย และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในอนาคตอีกด้วย
หากกล่าวโดยสรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเว็บไซต์ไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่ ประเภทของเว็บไซต์, ขนาด, ดีไซน์, ฟังก์ชัน และเทคโนโลยีที่เลือกใช้ การวางแผนให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะสร้างเว็บไซต์เพื่อวัตถุประสงค์ใด และต้องการฟีเจอร์มากน้อยแค่ไหน จะช่วยให้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้แม่นยำยิ่งขึ้น และเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณได้ดีกว่านั่นเองครับ
องค์ประกอบของ Website Development Cost

1. การวางแผนและออกแบบ (Design & UX)
ก่อนเริ่มพัฒนา เว็บไซต์ต้องผ่านกระบวนการวางโครงสร้าง, เนื้อหา และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UX) รวมถึงการออกแบบหน้าตา (UI) เอาไว้แล้ว
โดยถ้าใช้ เทมเพลตสำเร็จรูป จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำ แต่ถ้าเป็นดีไซน์เฉพาะ จะต้องทำงานร่วมกับนักออกแบบ เพื่อสร้างภาพลักษณ์เฉพาะแบรนด์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งการออกแบบที่ดีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และยังทำให้ผู้ใช้งานอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น
2. การพัฒนาเว็บไซต์ (Development)
ส่วนนี้คือหัวใจของการสร้างเว็บไซต์ ค่าพัฒนาจะแตกต่างกันตามเทคโนโลยีที่เลือกใช้ และความซับซ้อนของระบบ
โดยเว็บไซต์พื้นฐาน เช่น เว็บไซต์บริษัทที่มีข้อมูลไม่ซับซ้อน จะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงนัก แต่หากเป็นเว็บไซต์ที่มีระบบเฉพาะ เช่น E-Commerce, ระบบสมาชิก หรือ Dashboard จะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
และการเลือก Framework หรือ CMS เช่น Next.js, Laravel, WordPress ก็มีผลต่อทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาในการพัฒนาอีกด้วย
3. ค่าจดโดเมนเนมและโฮสติ้ง (Domain & Hosting)
เว็บไซต์ทุกเว็บต้องมีที่อยู่ และพื้นที่เก็บข้อมูล โดยค่าจดโดเมนเนม มักอยู่ในช่วง 300 ถึง 600 บาทต่อปี สำหรับ .com, .net หรือโดเมนยอดนิยม ส่วนค่าโฮสติ้ง จะขึ้นอยู่กับประเภท เช่น Shared Hosting จะมีราคาถูก เหมาะกับเว็บเล็ก, VPS หรือ Dedicated Server จะมีราคาที่แพงกว่า แต่เหมาะกับเว็บที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก, Cloud Hosting เช่น AWS, GCP, Vercel จะมีความยืดหยุ่น แต่มีค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง
4. ค่าระบบเสริมและปลั๊กอิน (Plugins & Extensions)
เว็บไซต์หลายประเภทอาจต้องใช้ปลั๊กอินหรือส่วนเสริม เช่น ระบบ SEO, ระบบตะกร้าสินค้าและการชำระเงิน หรือระบบจัดการบทความ โดยบางปลั๊กอินมีเวอร์ชันฟรี แต่ฟังก์ชันขั้นสูงมักมีค่าใช้จ่ายรายปีหรือรายเดือน
5. ค่าตรวจสอบและทดสอบ (Testing)
ก่อนเปิดใช้งานจริง เว็บไซต์ต้องผ่านการทดสอบอย่างละเอียด เช่น การทดสอบการใช้งาน, การทดสอบความปลอดภัย หรือการทดสอบความเร็วและการรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ซึ่งขั้นตอนนี้อาจเพิ่มค่าใช้จ่าย แต่ช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตได้มาก
6. การดูแลรักษาและอัปเดตในระยะยาว (Maintenance & Support)
ค่าใช้จ่ายของเว็บไซต์ไม่ได้จบลงหลังจากเปิดตัว เพราะยังต้องมีการดูแลต่อเนื่อง เช่น การอัปเดตเนื้อหาและระบบ, การอัปเดตซอฟต์แวร์และปลั๊กอินเพื่อความปลอดภัย, การแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพ หรือการสำรองข้อมูล ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจมาในรูปแบบสัญญาบริการรายเดือนหรือรายปี
การสร้างเว็บไซต์ไม่ได้มีแค่ค่าพัฒนา แต่ประกอบไปด้วยการออกแบบ, การพัฒนา, ระบบเสริม, ค่าโฮสติ้งและโดเมน, การทดสอบ และการดูแลหลังบ้าน ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นต้นทุนจริงของการพัฒนาเว็บไซต์ การเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณได้แม่นยำขึ้น และเลือกลงทุนในส่วนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเป้าหมายของธุรกิจหรือองค์กรของคุณ
Website Development Cost by Till it’s done

1. Interactive Website (เริ่มต้น 300,000 บาท)
Interactive Website เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถ โต้ตอบ กับเนื้อหาหรือระบบได้โดยตรง ไม่ใช่แค่การอ่านข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
โดยการโต้ตอบนี้สร้างประสบการณ์ที่น่าดึงดูดและมีส่วนร่วม ทำให้ผู้ใช้ใช้เวลานานขึ้นบนเว็บไซต์ และส่งผลดีต่อธุรกิจ เช่น เพิ่มการมีส่วนร่วม, สร้างความภักดีต่อแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า
ซึ่ง Website Development Cost สำหรับ Interactive Website ทางเรา Till it’s done จะเริ่มต้นที่ประมาณ 300,000 บาทครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณหน้าที่ต้องการให้ Interactive Website ด้วยนะครับ
2. Corpoerate Website (เริ่มต้น 500,000 บาท ไปจนถึง 800,000 บาท)
Corpoerate Website เป็นเว็บไซต์ของบริษัทหรือองค์กร ที่ทำหน้าที่หลักในการสื่อสารข้อมูลภาพลักษณ์ขององค์กร, สินค้าและบริการ รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือและตัวตนของแบรนด์
โดยจะให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติบริษัท, วิสัยทัศน์, พันธกิจ, ผลงาน และช่องทางการติดต่อ เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้สนใจเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและตลอด 24 ชั่วโมง
โดย Website Development Cost ของ Corpoerate Website นี้ ที่ Till it’s done ของเราจะเริ่มต้นที่ประมาณ 500,000 บาท ไปจนถึง 800,000 บาท ขึ้นอยู่กัยขนาดของเว็บไซต์ และข้อมูลที่ต้องการนำมาลงภายในเว็บไซต์ครับ
3. Custom Application หรือ Web Application (เริ่มต้น 800,000 บาทขึ้นไป)
Custom Application คือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้น หรือพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจหรือองค์กรนั้น ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งต่างจากซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั่วไป Custom Application จะมีฟีเจอร์, ฟังก์ชัน, และการทำงานที่ปรับแต่งให้เข้ากับกระบวนการ, Workflow, และเป้าหมายเฉพาะของธุรกิจนั้น ๆ โดยตรง ทำให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขัน, ความยืดหยุ่น, และสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างตรงจุด
ส่วน Web Application คือโปรแกรมที่ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์โดยตรง ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมบนเครื่อง ทำให้ใช้งานง่าย, สะดวก, รวดเร็ว และเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลาผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างจากแอปพลิเคชันทั่วไปที่ต้องติดตั้งบนอุปกรณ์ และเว็บไซต์ทั่วไปที่เน้นการนำเสนอข้อมูล
โดยทั้ง Custom Application และ Web Application นั้น ที่ Till it’s done ของเรา จะมี Website Development Cost เริ่มต้นอยู่ที่ 800,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับฟีเจอร์, ฟังก์ชัน หรือความต้องการต่าง ๆ ที่คุณลูกค้ามีครับ
ซึ่งหากใครกำลังมองหาบริษัทที่ให้บริการรับทำเว็บไซต์ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กอยู่ล่ะก็ พวกผม Till it’s done เป็นบริษัท Software House ที่มีประสบการณ์ภายในสายงานกว่า 10 ปี และผ่านโครงการต่าง ๆ มามากกว่า 60 โครงการ ซึ่งสามารถพัฒนาเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ได้อย่างคลอบคลุมและรอบด้านในทุกมิติ
ซึ่งสามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของของพวกผม Till it’s done หรือทางอีเมลล์ rick@tillitsdone.com นี้ได้เลยนะครับ
สรุป
การสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เรื่องของการออกแบบและพัฒนา แต่ยังมี Website Development Cost หลายด้านที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด โดยเฉพาะองค์ประกอบทั้งหมดที่ส่งผลต่อ ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเว็บไซต์ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการดูแลระยะยาว ทำให้ไม่ว่าจะเริ่มสร้างเว็บไซต์เบื้องต้นหรือเว็บไซต์ที่ซับซ้อน ก็สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายได้ตามความต้องการ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป






Talk with CEO
We'll be right here with you every step of the way.
We'll be here, prepared to commence this promising collaboration.
Whether you're curious about features, warranties, or shopping policies, we provide comprehensive answers to assist you.