- Services
- Case Studies
- Technologies
- NextJs development
- Flutter development
- NodeJs development
- ReactJs development
- About
- Contact
- Tools
- Blogs
- FAQ
Mobile Application มีอะไรบ้าง สำคัญต่อการทำการตลาดยังไง


แอปพลิเคชันบนมือถือเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่ช่วยเสริมสร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ซึ่งการใช้งานแอปเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัลนี้ แล้วในปัจจุบัน Mobile Application มีอะไรบ้าง มาหาคำตอบได้ในบทความของผมด้านล่างนี้กัน
ในปัจจุบัน Mobile Application มีอะไรบ้าง
โดยในปัจจุบันนั้น Mobile Application ที่เป็นที่นิยมในสังคม จะประกอบไปด้วยแอปพลิเคชัน 7 จำพวกใหญ่ ๆ ได้แก่
1. แอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิง (Entertainment Applications)
เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อให้ความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินแก่ผู้ใช้งาน เช่น การดูหนัง ฟังเพลง เกม ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็น
- Netflix (ดูหนังและซีรีส์ออนไลน์)
- Spotify (ฟังเพลงออนไลน์)
- TikTok (สร้างและดูวิดีโอสั้น)
- Candy Crush (เกมบนมือถือ)
2. แอปพลิเคชันเพื่อการสื่อสาร (Communication Applications)
เป็นแอปพลิเคชันถูกสร้างขึ้นเพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็ว และสะดวกมากยิ่งขึ้น ได้แก่
- Facebook Messenger (ส่งข้อความ และวิดีโอคอล)
- LINE (ส่งข้อความ, โทรศัพท์ และวิดีโอ)
- WhatsApp (ส่งข้อความและเสียง)
- Zoom (ประชุมออนไลน์)
3. แอปพลิเคชันด้านการใช้งานประจำวัน (Productivity Applications)

เป็นแอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นไปที่การช่วยการจัดการชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน เช่น การจดบันทึก, ปฏิทิน หรือตัวช่วยเตือนต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งจะมีคร่าว ๆ ดังนี้
- Google Calendar (ปฏิทินและนัดหมาย)
- Evernote (จดบันทึกและจัดระเบียบข้อมูล)
- Google Keep (บันทึกเตือนความจำ)
- Waze (นำทางและแผนที่)
4. แอปพลิเคชันด้านการศึกษา (Educational Applications)
เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้และเสริมสร้างความรู้ เช่น คอร์สเรียนออนไลน์, แบบฝึกหัด, แนะแนวการศึกษาต่าง ๆ โดยมีอันยอดนิยมดังนี้
- Khan Academy (เรียนออนไลน์ฟรี)
- Duolingo (เรียนภาษา)
- Quizlet (สร้างและใช้งานแฟลชการ์ด)
- Coursera (คอร์สออนไลน์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ)
5. แอปพลิเคชันด้านสุขภาพและฟิตเนส (Health and Fitness Applications)
เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานนำไปช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยในการออกกำลังกาย หรือการติดตามกิจกรรมทางด้านสุขภาพ เช่น
- MyFitnessPal (บันทึกการกินอาหารและออกกำลังกาย)
- Fitbit (ติดตามการก้าวเดินและการออกกำลังกาย)
- Calm (การทำสมาธิและการนอนหลับ)
- Strava (ติดตามการวิ่งและขี่จักรยาน)
6. แอปพลิเคชันด้านการช็อปปิ้งและธุรกรรมออนไลน์ (Shopping and E-commerce Applications)
เป็นแอปพลิเคชันสำหรับให้ผู้ใช้งานได้ซื้อขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น
- Lazada (ช็อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทย)
- Shopee (แพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์)
- Amazon (ช็อปปิ้งออนไลน์ระดับโลก)
- eBay (ประมูลและซื้อขายสินค้าใช้แล้ว)
7. แอปพลิเคชันด้านการทำงานและธุรกิจ (Work and Business Applications)
เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการจัดการงาน, เอกสาร, การประชุม และการบริหารธุรกิจของตัวผู้ใช้งาน ได้แก่
- Microsoft Teams (ประชุมและทำงานร่วมกัน)
- Slack (ส่งข้อความและจัดการโปรเจกต์)
- Trello (จัดการงานและโปรเจกต์)
- QuickBooks (บัญชีและการเงินสำหรับธุรกิจ)
ประโยชน์ของ Mobile Application ต่อการทำการตลาด

1. ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและต่อเนื่องกับลูกค้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล
แม้ในอดีต การให้บริการและการสื่อสารกับลูกค้า จำเป็นต้องอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการรับฟังและแก้ไขปัญหา แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยี Mobile Application ทำให้กระบวนการเหล่านี้ง่ายและรวดเร็วขึ้นอย่างมาก เพราะลูกค้าสามารถติดต่อสอบถาม, แจ้งปัญหา หรือแสดงความคิดเห็นได้โดยตรงและทันทีผ่านตัวแอปพลิเคชัน
ซึ่งนั่นจะช่วยลดระยะเวลาในการตอบสนองและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสามารถรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อปรับปรุงการให้บริการและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
2. ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ
เนื่องจาก Mobile Application มีความสะดวกในการใช้งาน และมีขั้นตอนการซื้อขายที่ง่ายดาย ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ซับซ้อน ซึ่งการลดขั้นตอนในการทำธุรกรรมเหล่านี้ลงไป จึงช่วยสร้างความประทับใจและกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้เสริมผ่านการลงโฆษณาในแอปพลิเคชัน โดยการเปิดโอกาสให้ธุรกิจ หรือบุคคลที่สนใจโฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ช่วยให้ลูกค้านึกถึงธุรกิจของคุณอยู่เสมอ
การออกแบบ Mobile Application ที่มีฟีเจอร์น่าสนใจ และ UX/UI ที่ใช้งานได้ง่าย เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการรับรู้และความจงรักภักดีต่อแบรนด์ เมื่อผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกและเพลิดเพลิน ก็จะเกิดความรู้สึกผูกพันและจดจำแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างฐานลูกค้าที่ภักดี และส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว
4. เกิด Brand Royalty กับธุรกิจของคุณมากขึ้น
การสร้างความภักดีต่อแบรนด์เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการตลาด และ Mobile Application สามารถช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้าได้
ซึ่งทำได้ด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนโปรโมชั่น, ข่าวสาร หรือข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การแจ้งเตือนเกี่ยวกับส่วนลดสุดพิเศษ หรือกิจกรรมต่าง ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจและความคุ้มค่า ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเลือกใช้บริการและซื้อสินค้าจากธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า ก็จะช่วยให้เกิดความภักดีในระยะยาวและกลายเป็น Brand Royalty ได้นั่นเอง
5. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาดแก่ธุรกิจของคุณ
เพราะ Mobile Application เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเสริมสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งช่วยให้ช่องทางการสื่อสารกับลูกค้ามีความชัดเจนและตรงจุดมากยิ่งขึ้น สามารถส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโปรโมชั่น, ราคาพิเศษ, ฟีเจอร์ใหม่ หรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงยังสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เช่น ที่อยู่, อายุ และเพศ เพื่อวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ Remarketing ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
6. ขับเคลื่อน Engagement ได้ดียิ่งขึ้น
การใช้งาน Mobile Application จะช่วยสร้างความสนใจและความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแอปพลิเคชันสามารถให้ฟีเจอร์ที่โต้ตอบได้มากกว่าเว็บเบราว์เซอร์ เช่น การค้นหาข้อมูล, การช้อปปิ้ง หรือการติดต่อสื่อสารกับบริษัทในรูปแบบที่สะดวกและรวดเร็ว
โดยเมื่อเทียบกับการใช้งานผ่านเว็บไซต์ ตัวของแอปพลิเคชันสามารถเพิ่มระดับ Engagement หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลูกค้ามีความภักดีและเชื่อมโยงกับแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ
ธุรกิจที่ควรจะต้องใช้งาน Mobile Application
1. ธุรกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ

ธุรกิจขายสินค้าและให้บริการในปัจจุบันจำเป็นต้องมี Mobile Application เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากขึ้น อย่างการไม่ต้องเดินทางไปสาขาเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน นั่นจึงทำให้ธนาคารต้องมีแอปพลิเคชันที่ให้ลูกค้าฝากเงิน หรือโอนเงินได้ง่ายดาย
นอกจากนี้ การใช้ Mobile Application ยังช่วยสร้างโอกาสในการทำแคมเปญการตลาด เช่น การให้ส่วนลดในช่วงโปรโมชั่น หรือการสะสมแต้ม เพื่อเสริมสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณนั่นเอง
1. ธุรกิจให้บริการพื้นที่เพื่อโฆษณา
ธุรกิจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมสื่อมวลชนและความบันเทิง ซึ่งในอดีตมักเป็นเว็บไซต์หรือช่องทีวีที่เช่าพื้นที่โฆษณา แต่ในปัจจุบันก็ได้พัฒนาเป็นแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง เช่น แอปข่าว แอปสตรีมมิ่งหนังและเพลง ซึ่งสร้างรายได้จากค่าเข้าชม, ค่าสมาชิก หรือโฆษณาก่อนชมวิดีโอ
และสำหรับบริการด้านความบันเทิงบนโทรศัพท์มือถือด้วย Mobile Application เช่น Netflix และ YouTube ก็ยังได้รับความนิยมสูง จึงทำให้ธุรกิจรายย่อยมักใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้ เพื่อโปรโมทสินค้าและสร้างการรับรู้ ขณะที่สื่อเก่าอย่างโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์เริ่มลดความนิยมลง ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
2. ธุรกิจประเภทจองการบริการ
ธุรกิจด้านการจองบริการเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ Mobile Application นอกจากธุรกิจขายสินค้าและบริการ เนื่องจากลูกค้าต้องทำการจองล่วงหน้า เช่น โรงแรม, สายการบิน, ร้านอาหาร หรือการเดินทาง
การมี Mobile Application จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงสามารถตรวจสอบสถานะการจองได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดจากการจองด้วยวิธีโทรศัพท์ไปจอง และทำให้พนักงานสามารถดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป
Mobile Application เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว และสะดวกสบายในยุคดิจิทัล ซึ่งประกอบด้วยแอปด้านความบันเทิง, การสื่อสาร, การเรียนรู้, สุขภาพ, การช็อปปิ้ง, การทำงาน และธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้จะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ พร้อมกับขับเคลื่อนการตลาด และสร้างความภักดีในแบรนด์อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ
โดยหากใครกำลังมองหา Software House ที่มีประสบการณ์ในด้านการบริการพัฒนาเว็บแอป และ Mobile Application อย่างเต็มเปี่ยม พวกผม Till it’s done เป็นบริษัท Software House ที่มีประสบการณ์ภายในสายงานกว่า 10 ปี และผลงานแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริงอย่าง Ecommerce Application, แอปพลิเคชันระบบทะเบียนราชการ, Chat Application, Infographic Application และ Finance Applicationด้วยประสบการณ์เหล่านี้ เป็นสิ่งยืนยันชัดเจนถึงความสามารถของพวกผม ซึ่งหากสนใจ สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของของพวกผม Till it’s done หรือทางอีเมลล์ rick@tillitsdone.com นี้ได้เลยนะครับ






พูดคุยกับซีอีโอ
We'll be right here with you every step of the way.
We'll be here, prepared to commence this promising collaboration.
Whether you're curious about features, warranties, or shopping policies, we provide comprehensive answers to assist you.